LANKO® 451 Roof Seal
อะคริลิกกันซึม ชนิดยืดหยุ่น
LANKO® 451 Roof Seal
เป็นอะคริลิกกันซึม ชนิดยืดหยุ่น พร้อมใช้งาน
- ยืดหยุ่นมากกว่า 380%
- ทนทานต่อรังสียูวี
- ใช้ปิดรอยแตกร้าวได้ 0.75 มม.
- ปราศจากตัวทำละลาย
- ใช้งานง่าย
- มีสีให้เลือกใช้ : สีเทา สีขาว สีเขียว สีแดง และสีฟ้า
การใช้งาน
- ใช้สำหรับงานภายในและภายนอก
- บริเวณใช้งานหลัก : ผนัง ระเบียง ดาดฟ้า และหลังคา
- พื้นผิวที่แข็งและยืดหยุ่น : คอนกรีต ผนังก่ออิฐฉาบปูน แผ่นซีเมนต์
คุณลักษณะ/คุณประโยชน์
- ยืดหยุ่นมากกว่า 380%
- ทนทานต่อรังสียูวี
- ใช้ปิดรอยแตกร้าวได้ 0.75 มม.
- ปราศจากตัวทำละลาย
- ใช้งานง่าย
- มีสีให้เลือกใช้ : สีเทา สีขาว สีเขียว สีแดง และสีฟ้า
บรรจุภัณฑ์
5 กก. / กระป๋อง
20 กก. / ถัง
ลักษณะของสินค้า/สี
สีเทา สีขาว สีเขียว สีแดง และสีฟ้า
รายละเอียดผลิตภัณฑ์
อายุผลิตภัณฑ์
12 เดือน นับจากวันที่ผลิต หากจัดเก็บอย่างถูกวิธี ภายในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิทและไม่เสียหาย
การเก็บรักษา
จัดเก็บในบริเวณที่แห้ง และไม่โดนแสงแดดโดยตรง
ความหนาแน่น
~ 1.3 กก / ลิตร
ปริมาณของแข็งในเนื้อสาร โดยน้ำหนัก
~ 56%
ปริมาณของแข็งในเนื้อสาร โดยปริมาตร
~ 43%
โครงสร้างระบบ
ระบบกันซึมหลังคาทั่วไป*
ทา LANKO 451 ROOF SEAL (SOVACRYL) 2 หรือ 3 ครั้ง
ปริมาณการใช้ทั้งหมด | ≥ 1.4 - 2.1 กก. / ตร.ม. |
ความหนาของวัสดุเคลือบเมื่อแห้ง | ≥ 0.4 - 0.7 มม. |
*สำหรับการเสริมแรงบางส่วน สามารถใช้ LANKO GLASS FIBER MESH ปูทับบนพิ้นผิว
ที่มีการเคลื่อนไหวสูง บริเวณที่ต้องการปิดรอยแตกร้าว และจุดที่ต้องเก็บรายละเอียด
*สำหรับรองพื้น กรุณาดูรายละเอียดในส่วนของการเตรียมพื้นผิว
ระบบกันซึมหลังคาแบบเสริมความแข็งแรง
ทา LANKO 451 ROOF SEAL (SOVACRYL) ลงบนพื้นผิวชั้นแรก และปูแผ่นเส้นใยเสริมแรง
LANKO GLASS FIBER MESH หลังจากนั้นทาทับด้วย LANKO® 451 Roof Seal
อีก 1 หรือ 2 ชั้น
ปริมาณการใช้ทั้งหมด | ≥ 2.1 - 2.8 กก. / ตร.ม. |
ความหนาของวัสดุเคลือบเมื่อแห้งแข็ง | ≥ 0.8 - 1.0 มม. |
การทำงาน (ชั้น) | ผลิตภัณฑ์ | ปริมาณที่ใช้ |
1. รองพื้น | ดูรายละเอียดในตารางการเตรียมพื้นผิว | ดูรายละเอียดในตารางการเตรียมพื้นผิว |
2. ชั้นแรก | LANKO 451 ROOF SEAL (SOVACRYL) | ≥ 0.7 - 1.0 กก. / ตร.ม. / ต่อการทา 1 ชั้น |
3. แผ่นใยเสริมความแข็งแรง | LANKO GLASS FIBER MESH | |
4. ชั้นแรก | LANKO 451 ROOF SEAL (SOVACRYL) | ≥ 0.3 - 0.5 กก. / ตร.ม. / ต่อการทา 1 ชั้น |
5. ชั้นบนสุด | LANKO 451 ROOF SEAL (SOVACRYL) 1 - 2 ชั้น | ≥ 0.6 - 0.7 กก. / ตร.ม. / ต่อการทา 1 ชั้น |
หมายเหตุ:
1. ห้ามใช้งาน LANKO® 451 Roof Seal ในปริมาณมากกว่า 0.75 กก. / ตร.ม. / ต่อการทา 1 ชั้น โดยปราศจากการใช้แผ่นใยเสริมความแข็งแรง
2. ตัวเลขต่าง ๆ ข้างต้นนั้น เป็นตัวเลขทางทฤษฎี ซึ่งยังไม่ได้เผื่อความสูญเสียอันเนื่องมาจาก
สภาพพื้นผิวที่มีความพรุน ลักษณะของพื้นผิว หรือตัวแปรอื่น ๆ
ค่ากำลังรับแรงดึง
> 1 MPa ที่ 7 วัน (ASTM D412)
ค่ากำลังรับแรงยึดเกาะต่อแรงดึง
> 0.5 N/mm2 ที่ 7 วัน (การยึดเกาะกับคอนกรีต, EN 1542)
การใช้งาน
อุณหภูมิของผลิตภัณฑ์
+5°C ถึง +60°C
อุณหภูมิแวดล้อม
+5°C ถึง +35°C
ค่าความชื้นสัมพัทธ์
ต่ำสุด 5% / สูงสุด 80 % r.h.
อุณหภูมิของพื้นผิว
+5°C ถึง +60°C
≥3 °C เหนือจุดหยาดน้ำค้าง
ความชื้นของพื้นผิว
≤ 6 % สัดส่วนโดยน้ำหนัก
ความชื้นจะต้องไม่เพิ่มขึ้นตามมาตรฐาน ASTM (Polyethylene-sheet).
การเตรียมพื้นผิวก่อนทำงาน
พื้นผิว | สารรองพื้น | อัตราการใช้ (กก./ ตร.ม.) |
คอนกรีต และพื้นผิวก่ออิฐฉาบปูน | LANKO 451 ROOF SEAL (SOVACRYL) เจือจางด้วยน้ำสะอาด 10 % | ~0.3 - 0.5 |
แผ่นซีเมนต์ | LANKO 451 ROOF SEAL (SOVACRYL) เจือจางด้วยน้ำสะอาด 10 % | ~0.3 |
หมายเหตุ: ตัวเลขต่างๆ ข้างต้นนั้น เป็นตัวเลขทางทฤษฎี ซึ่งยังไม่ได้เผื่อความสูญเสีย
อันเนื่องมาจากสภาพพื้นผิวที่มีความพรุน ลักษณะของพื้นผิว หรือตัวแปรอื่นๆ
สำหรับระยะเวลาในการรอ / การเคลือบผิวทับ กรุณาดูเอกสาร PDS ของน้ำยาทำความสะอาด
และน้ำยารองพื้นที่เหมาะสม ส่วนพื้นผิวอื่น ๆ ควรต้องทำการทดสอบ โดยการทา
ลงบนบริเวณที่ใช้งานก่อน
ระยะเวลาในการรอเพื่อเคลือบทับ
ระยะเวลาการรอด้วยการเสริมแรง | ระยะเวลาการรอปราศจากการเสริมแรง | อุณหภูมิแวดล้อม |
24 ชั่วโมง | 6 ชั่วโมง | +20 °C / 50 % r.h. |
12 ชั่วโมง | 4 ชั่วโมง | +30 °C / 50 % r.h. |
หมายเหตุ: เวลาที่ระบุในที่นี้เป็นเวลาโดยประมาณและอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิแวดล้อมโดยรอบ
และความชื้นสัมพัทธ์
ข้อแนะนำสำหรับเครื่องมือและอุปกรณ์
เลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุด สำหรับการใช้งาน
- แปรงที่มีขนหนาและนุ่ม
- ลูกกลิ้งที่ทนต่อสารละลายและไม่เป็นขนปุย
- เครื่องพ่นไร้อากาศ
การเตรียมพื้นผิว
- พื้นผิวต้องแข็งแรง สะอาด และปราศจากคราบน้ำมัน
- ซ่อมแซมบริเวณคอนกรีตที่เสียหายด้วย
LANKO 731 STRUCTURE REPAIR - รอยแตกร้าวขนาดใหญ่ที่ยังร้าวไม่หยุด ให้ซ่อมแซมด้วย
LANKO 603 POLYURETHANE - บริเวณที่เป็นเหลี่ยมมุมหรือเป็นสันคม เช่น บริเวณรอยต่อ
ระหว่างพื้นกับผนังมุมห้อง มุมผนัง ต้องลบเหลี่ยมไม่ให้
เป็นสันหรือทำบัวลบมุม - วัสดุที่จะทำกันซึม เช่น กระเบื้อง เหล็ก แผ่นซีเมนต์
ต้องติดตั้งตามมาตรฐานผู้ผลิตก่อนใช้งาน
LANKO® 451 Roof Seal - พื้นหรือผนัง
- ผิวปูนฉาบใหม่ ต้องทิ้งให้แห้งอย่างน้อย 7 วัน
- ผิวคอนกรีต ต้องมีอายุอย่างน้อย 7 วัน
- กรณีผิวคอนกรีตเก่า ให้ล้างทำความสะอาด
โดยไม่มีตะไคร่น้ำ รา หลังจากนั้นปล่อยให้แห้ง
อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
การผสม
ทำการกวน LANKO® 451 Roof Seal ในถังให้ทั่วเป็นเวลา 1 นาที ก่อนใช้งาน สามารถใช้งาน
LANKO® 451 Roof Seal ได้โดยตรงจากถังด้วยการทาด้วยแปรง หรือกลิ้งด้วยลูกกลิ้ง
การใช้งาน
ก่อนทำการทา LANKO® 451 Roof Seal
รองพื้นจะต้องแห้งก่อน ตรวจสอบโดยใช้นิ้วแตะแล้วสารรองพื้น
ไม่ติดนิ้ว สำหรับระยะเวลาในการรอ / การทาผิวทับ
กรุณาดูเอกสาร PDS ของน้ำยาทำความสะอาด และน้ำยารองพื้น
ที่เหมาะสม บริเวณที่อาจได้รับความเสียหาย (กรอบประตู)
ควรป้องกันโดยใช้เทปกาวปิด
ระบบกันซึมหลังคาทั่วไป
ทารองพื้นโดยใช้ปริมาณตามตารางการเตรียมพื้นผิว
- ทา LANKO® 451 Roof Seal ชั้นแรก
ในอัตรา 0.7 กก. / ตร.ม. - ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งตามเวลาที่แสดงไว้ในตารางระยะเวลา
ในการรอเพื่อเคลือบทับ - ทา LANKO® 451 Roof Seal ชั้นที่ 2
หรือมากกว่า 2 ชั้น ในอัตรา 0.7 กก. / ตร.ม. / การทา 1 ชั้น
ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง
ระบบกันซึมหลังคาแบบเสริมความแข็งแรง
ทา LANKO 451 ROOF SEAL (SOVACRYL) และเสริมแรงด้วย
LANKO GLASS FIBER MESH ทารองพื้นโดยใช้ปริมาณตามตารางการเตรียมพื้นผิว
- ทา LANKO® 451 Roof Seal ชั้นแรก
ในอัตรา 0.7 - 1.0 กก. / ตร.ม. - ปูแผ่น LANKO GLASS FIBER MESH ให้เรียบ และแน่ใจว่า
ไม่มีฟองอากาศหรือรอยย่น ทั้งนี้จะต้องปูซ้อนทับแนวรอยต่อ
อย่างน้อย 5 ซม. - ทา LANKO® 451 Roof Seal ชั้นที่สอง ในขณะที่
LANKO GLASS FIBER MESH ที่ยังเปียกอยู่ ในอัตรา
0.3 - 0.5 กก. / ตร.ม. ในการทา LANKO 451 ROOF SEAL
(SOVACRYL) แต่ละชั้นจะต้องทาในขณะที่พื้นผิวยังไม่แห้ง - ทำซ้ำตามขั้นตอนที่ 1 - 3 จนกว่าจะทากันซึมหลังคาทั่วทั้งหมด
- หลังจากวัสดุทั้งสองชั้นแห้งแล้ว ให้ทา LANKO® 451 Roof Seal อีก 1 ชั้น หรือมากกว่า 1 ชั้น ในปริมาณการใช้
0.6 - 0.7 กก. / ตร.ม. / การทา 1 ชั้น
หมายเหตุ ทำกันซึมในบริเวณที่มีรายละเอียดมากก่อน เช่น ขอบมุม
ก่อนที่จะเริ่มทากันซึมพื้นผิวที่อยู่ในแนวราบ
การทำความสะอาดเครื่องมือและอุปกรณ์
ทำความสะอาดเครื่องมือต่างๆ และอุปกรณ์ที่ใช้ด้วยน้ำทันที
หลังจากที่ใช้งานเสร็จแล้ว วัสดุที่แข็งตัวแล้วจะต้องขจัดออก
ด้วยเครื่องมือกลเท่านั้น