Sikafloor®-161 HC
น้ำยารองพื้นอีพ็อกซี่แบบสองส่วนผสม สำหรับงานปรับระดับ งานเคลือบผิวชั้นกลาง และงานปรับระดับความหนาพื้นด้วยอีพ็อกซี่มอร์ต้า
Sikafloor®-161 HC เป็นอีพ็อกซี่เรซินแบบสองส่วนผสม มีความหนืดต่ำ ปราศจากตัวทำละลาย
- ความหนืดต่ำ
- มีอัตราการดูดซึมที่ดี
- แรงยึดเกาะดีเยี่ยม
- ปราศจากสารทำละลายประเภทโซเวนท์
- ใช้งานง่าย
- ระยะเวลาในการรอเพื่อทำงานในขั้นตอนต่อไปไม่มาก
- ใช้งานได้อเนกประสงค์
การใช้งาน
- สำหรับใช้เป็นชั้นรองพื้นสำหรับพื้นผิวคอนกรีต ซีเมนต์ และอีพ็อกซี่มอร์ต้า
- ใช้ได้กับพื้นผิวคอนกรีตที่มีความดูดซึมต่ำ จนถึงปานกลาง
- ใช้เป็นน้ำยารองพื้นสำหรับระบบพื้นมาตรฐานของ Sikafloor®-263 SL HC และ Sikafloor®-264 HC
- เป็นตัวช่วยยึดเกาะสำหรับปรับระดับแบบเรียบ และงานปรับระดับความหนาแบบหยาบ
- ใช้เป็นชั้นความหนาชั้นกลาง ก่อนการเคลือบด้วยผลิตภัณฑ์ Sikafloor®-263 SL HC และ Sikafloor®-264 HC
คุณลักษณะ/คุณประโยชน์
- ความหนืดต่ำ
- มีอัตราการดูดซึมที่ดี
- แรงยึดเกาะดีเยี่ยม
- ปราศจากสารทำละลายประเภทโซเวนท์
- ใช้งานง่าย
- ระยะเวลาในการรอเพื่อทำงานในขั้นตอนต่อไปไม่มาก
- ใช้งานได้อเนกประสงค์
บรรจุภัณฑ์
ส่วนประกอบ A : 280 กิโลกรัม บรรจุในถัง, 15.8 กิโลกรัม บรรจุในกระป๋อง
ส่วนประกอบ B : 200 กิโลกรัม, 4.2 กิโลกรัม บรรจุในกระป๋อง
ส่วนประกอบ A + B : 20 กิโลกรัม ต่อชุด (A+B)
ลักษณะของสินค้า/สี
| ส่วนประกอบ A - เรซิ่น : | ของเหลวสีน้ำตาลใส |
| ส่วนประกอบ B - ฮาร์ดเดนเนอร์ : | ของเหลวใสไม่มีสี |
รายละเอียดผลิตภัณฑ์
ส่วนประกอบหลักทางเคมี
อีพ๊อกซี่
อายุผลิตภัณฑ์
24 เดือน นับจากวันที่ผลิต หากจัดเก็บอย่างถูกวิธี ภายในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิท และไม่เสียหาย
การเก็บรักษา
จัดเก็บในบริเวณที่แห้ง ภายใต้อุณหภูมิระหว่าง +18 °C ถึง +30 °C
ความหนาแน่น
| ส่วนประกอบ A : | ~1.6 กิโลกรัม ต่อลิตร |
| ส่วนประกอบ B : | ~1.0 กิโลกรัม ต่อลิตร |
| ผสมเรซิ่น : | ~1.4 กิโลกรัม ต่อลิตร |
ค่าความแข็ง Shore D
| ระยะเวลา 7 วัน (ที่อุณหภูมิ +23 °C) | ~76 |
ค่ากำลังรับแรงอัด
| ระยะเวลา 28 วัน (ที่อุณหภูมิ +23 °C) | ~60 นิวตัน ต่อตารางมิลลิเมตร (เรซิ่น) |
ค่ากำลังรับแรงดัด
| ระยะเวลา 28 วัน (ที่อุณหภูมิ +23 °C) | ~30 นิวตัน ต่อตารางมิลลิเมตร (เรซิ่น) |
ค่ากำลังรับแรงยึดเกาะต่อแรงดึง
| > 1.5 นิวตัน ต่อตารางมิลลิเมตร (เสียหายในเนื้อคอนกรีต) | (ISO 4624) |
ความต้านทานต่ออุณหภูมิ
| การสัมผัส* | อุณหภูมิ |
| เป็นการถาวร | +50 °C |
| ระยะสั้น สูงสุด 7 วัน | +80 °C |
| ระยะสั้น สูงสุด 12 วัน | +100 °C |
ความชื้นและความร้อนที่สภาวะเปียกในช่วงระยะสั้น อาจมีอุณหภูมิสูงสุดประมาณ +80°C โดยเกิดได้กับการสัมผัสกับความร้อนเป็นครั้งคราว เช่น การทำความสะอาดพื้นด้วยไอน้ำ เป็นต้น
*ต้องไม่มีการสัมผัสกับสารเคมีร่วมกับแรงทางกล และใช้ร่วมกับระบบ Sikafloor® เท่านั้น ซึ่งเป็นระบบพื้นแบบหว่านทรายที่มีความหนาประมาณ 3 ถึง 4 มิลลิเมตร
ความต้านทานต่อสารเคมี
ทนต่อสารเคมีหลายชนิด ดูจากตารางการทนสารเคมี
การใช้งาน
อัตราส่วนผสม
ส่วนประกอบ A : ส่วนประกอบ B = 79 : 21 (โดยน้ำหนัก)
ความหนาต่อชั้น
| สำหรับชั้นเคลือบผิวบนสุด: | 70 ไมครอน (ต่ำสุด) / 140 ไมครอน (สูงสุด) |
| สำหรับชั้นเคลือบเดี่ยว: | 140 ไมครอน (ต่ำสุด) / 275 ไมครอน (สูงสุด) |
อุณหภูมิแวดล้อม
ต่ำสุด + 10Oc / สูงสุด +30Oc
ค่าความชื้นสัมพัทธ์
ความชื้นสัมพันธ์อากาศสูงสุด 80%
จุดน้ำค้าง
ให้ระวังการเกิดการควบแน่น
พื้นผิวที่ยังบ่มตัวไม่เสร็จจะต้องมีอุณหภูมิที่สูงกว่าอุณหภูมิจุดน้ำค้างอย่างน้อย 3°C ระวังไม่ให้เกิดหยดน้ำหรือจุดด่างบนพื้นผิววัสดุ
หมายเหตุ: อุณหภูมิต่ำและความชื้นสูงเป็นปัจจัยเพิ่มความน่าจะเป็นที่พื้นผิวเกิดรอยลักษณะเป็นฝ้า
อุณหภูมิของพื้นผิว
ต่ำสุด + 10Oc / สูงสุด +30Oc
ความชื้นของพื้นผิว
≤ 4% สัดส่วนโดยน้ำหนัก
วิธีการทดสอบ: มิเตอร์วัดความชื้น Sika® -Tramax, CM หรือ การวัดโดยใช้วิธี Oven-dry method ต้องไม่มีความชื้นขึ้นสะสม (rising moisture) เมื่อคลุมด้วยแผ่นพลาสติก ตามมาตรฐาน ASTM (Polyethylene-sheet) ต้องไม่มีน้ำ ความชื้น การควบแน่นบนพื้นผิว
ระยะเวลาการใช้งานหลังผสม
| อุณหภูมิ | ระยะเวลา |
| +10 °C | ~50 นาที |
| +20 °C | ~25 นาที |
| +30 °C | ~15 นาที |
เวลาการบ่ม
ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากตัวทำละลายกับ Sikafloor®-161 HC กำหนดให้ระยะเวลาบ่มเป็นไปตามนี้
| อุณหภูมิพื้นผิว | ต่ำสุด | สูงสุด |
| +10 °C | 24 ชั่วโมง | 4 วัน |
| +20 °C | 12 ชั่วโมง | 2 วัน |
| +30 °C | 8 ชั่วโมง | 24 วัน |
ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีตัวทำละลายกับ Sikafloor®-161 HC กำหนดให้ระยะเวลาบ่มเป็นไปตามนี้:
| อุณหภูมิพื้นผิว | ต่ำสุด | สูงสุด |
| +10 °C | 36 ชั่วโมง | 6 วัน |
| +20 °C | 24 ชั่วโมง | 4 วัน |
| +30 °C | 16 ชั่วโมง | 2 วัน |
เวลาเป็นค่าโดยประมาณและจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์
ระยะเวลาที่พร้อมใช้งาน
| อุณหภูมิพื้นผิว | เดินได้ | งานเบา | บ่มเต็มที่ |
| +10 °C | ~24 ชั่วโมง | ~6 วัน | ~10 วัน |
| +20 °C | ~12 ชั่วโมง | ~4 วัน | ~7 วัน |
| +30 °C | ~8 ชั่วโมง | ~2 วัน | ~5 วัน |
หมายเหตุ: เวลาเป็นค่าโดยประมาณ และจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อมและพื้นผิว
ปริมาณการใช้
| ระบบ | ผลิตภัณฑ์ | ปริมาณการใช้ |
| ชั้นรองพื้น | Sikafloor®-161 HC | 0.35 - 0.55 กิโลกรัมต่อตารางเมตร |
| ชั้นปรับระดับเรียบ (ความขรุขระของพื้นผิว ไม่เกิน 1 มิลลิเมตร) | 1 ส่วนโดยน้ำหนัก Sikafloor®-161 HC + 0.5 ส่วน โดยน้ำหนัก ทรายควอทซ์ (0.1 - 0.3 มิลลิเมตร) + 0.015 ส่วน โดยน้ำหนัก Extender T | 1.7 กิโลกรัมต่อตารางเมตร |
| ชั้นปรับระดับเรียบ ความหนาปานกลาง (ความขรุขระของพื้นผิว สูงสุด 2 มิลลิเมตร) | 1 pbw Sikafloor®-161 HC + 1 ส่วนโดยน้ำหนัก ทรายควอทซ์ (0.1 - 0.3 มิลลิเมตร) + 0.015 ส่วน โดยน้ำหนัก Extender T | 1.9 กิโลกรัมต่อตารางเมตร |
| ชั้นความหนาระดับกลาง (สามารถปรับระดับผิว ได้เองที่ 1.5 ถึง 3 มิลลิเมตร | 1 ส่วนโดยน้ำหนัก Sikafloor®-161 HC + 1 ส่วน โดยน้ำหนักทรายควอทซ์ (0.1 - 0.3 มิลลิเมตร) + วัสดุผสม เป็นทางเลือกหว่านโรยด้วยทราย ขนาดคละ 0.4 - 0.7 มิลลิเมตร | 1.9 กิโลกรัม ต่อตารางเมตร ทรายควอทซ์ 0.9 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ความหนา มิลลิเมตร ต่อชั้น ~4.0 กิโลกรัม ต่อตารางเมตร |
| ชั้นยึดเกาะ Sikafloor®-161 HC | Sikafloor®-161 HC | 0.3 - 0.5 กิโลกรัมต่อตารางเมตร |
| ชั้นปรับความหนา อีพ็อกซี่สกรีต (ความหนา ของชั้น 15 ถึง 20 มิลลิเมตร) / ปูนซ่อม | 1 ส่วนโดยน้ำหนัก Sikafloor®-161 HC + 8 ส่วน โดยน้ำหนัก ทรายควอทซ์ | 2.2 กิโลกรัมต่อตารางเมตร |
หมายเหตุ: ค่าดังกล่าวเป็นค่าตามทฤษฎีและไม่รวมกรณีเพิ่มเติมวัสดุใดๆ เนื่องจากความพรุน ของพื้นผิว สภาพของพื้นผิวความผันแปรในแต่ละชั้นและการสูญเสียของผลิตภัณฑ์
การผสม
ก่อนการผสม, กวน Part A ก่อนด้วยสว่าน หลังจากนั้นเติม Part B ลงใน Part A แล้วจึงทำการผสมต่อไปเป็นเวลา 3 นาที จนส่วนผสม
ทั้ง 2 เข้ากันดี เมื่อส่วนผสม A และ B ผสมกันแล้ว ให้เติมทรายควอทซ์ ตามปริมาณที่แนะนำ และในกรณีที่จำเป็น ให้ใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์
Sika® Extender T แล้วผสมต่อไปอีก 2 นาที จนได้ส่วนผสม ที่มีความสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจ สามารถเทผลิตภัณฑ์ที่ผสมแล้ว ลงในถังผสมอื่นแล้วผสมซ้ำอีกครั้งเพื่อความเข้ากัน อย่างสม่ำเสมอ วิธีการผสมเช่นนี้ จะทำให้ลดการเก็บกักฟองอากาศในผลิตภัณฑ์ได้
เครื่องมือผสม
Sikafloor®-161 HC ต้องผสมให้เข้ากันอย่างทั่วถึง โดยการผสม ด้วยสว่านที่ความเร็วรอบต่ำ (300 - 400 รอบต่อนาที) หรือเครื่องมือ อื่นๆ ที่เหมาะสม สำหรับการเตรียมผสมในส่วนของมอร์ตาร์ให้ใช้ เครื่องผสมแบบกะทะหมุน ใบปั่น หรือแบบราง อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ใช้เครื่องผสมแบบที่ยอมให้ส่วนผสมมีการไหลได้ในแนวดิ่ง
การใช้งาน
ก่อนทำการติดตั้งผลิตภัณฑ์ต้องตรวจสอบค่าความชื้นของพื้นคอนกรีต ความชื้นสัมพัทธ์ และอุณหภูมิจุดน้ำค้าง
ถ้าความชื้นของคอนกรีต มีค่า > 4% อาจจำเป็นต้องใช้ Sikafloor® EpoCem® เป็นระบบกันความชื้นชั่วคราว
การเคลือบชั้นรองพื้น:
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเคลือบมีความต่อเนื่องและพื้นผิวไม่มีรูพรุน ในกรณีที่จำเป็น ให้ทารองพื้นสองชั้นด้วย Sikafloor®-161 HC โดยใช้แปรง ลูกกลิ้ง หรือยางปาดน้ำ
การปรับระดับพื้นผิวด้วยมอร์ตาร์:
ต้องปรับระดับพื้นผิวที่มีความขรุขระก่อนใช้งานผลิตภัณฑ์โดยใช้ มอร์ตาร์ปรับระดับพื้นผิวด้วยยางปาดน้ำ หรือเกรียงปาดเพื่อให้ได้ ความหนาพื้นผิวที่ต้องการ
การเคลือบผิวชั้นกลาง:
เท Sikafloor®-161 HC ลงไป เกลี่ยให้ทั่วโดยใช้เกรียงฟันปลา ใช้ลูกกลิ้งหนาม กลิ้งในสองทิศทางทันที เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นผิว มีความหนาเท่ากัน และหากต้องการให้โรยพื้นผิวด้วยทราย ให้รอหลังจากผ่านไปประมาณ 15 นาที (ที่ 20 องศาเซลเซียส) แต่ต้องดำเนินการก่อน 30 นาที (ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส) ซึ่งในช่วงแรกให้โรยบางๆ ก่อน แล้วค่อยหว่านโรยที่เหลือ ให้ครอบคลุมทั้งหมด
ชั้นยึดเหนี่ยว:
ใช้งาน Sikafloor®-161 HC ด้วยแปรง ลูกกลิ้ง หรือยางปาดน้ำ แนวทางการดำเนินงานที่แนะนำ คือการใช้ยางปาดน้ำเกลี่ยให้ทั่ว แล้วทำการกลิ้งด้วยลูกกลิ้ง โดยให้กลิ้งกลับไปมา ทั้ง 2 ทิศทาง
ชั้นความหนาอิพ็อกซี่สกรีตและมอร์ต้า:
ปาดอีพ็อกซี่ให้สม่ำเสมอบนชั้นรองพื้นในสภาพที่ยังมีความเหนียว โดยให้ใช้เกรียงซี่ปรับระดับ หรืออุปกรณ์ประเภทรางขัดผิวหยาบ สำหรับกรณีที่จำเป็น หลังจากนั้นรอสักครู่ แล้วทำการบดอัด และเกลี่ยให้เรียบ ด้วยเครื่องขัดใส่ใบเกรียงขัดมัน หรือเกรียงเคลือบ เทฟล่อน ด้วยความเร็วรอบต่ำ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 20 ถึง 90 รอบต่อนาที
การทำความสะอาดเครื่องมือและอุปกรณ์
ทำความสะอาดเครื่องมือด้วย Sika Thinner C ทันทีหลังเสร็จงาน วัสดุที่แข็งติดอยู่กับเครื่องมือหรืออุปกรณ์ ต้องกำจัดโดยใช้เครื่องมือ ทางกลเท่านั้น