03/11/2021
ปัจจุบัน มีความนิยมใช้กระเบื้องแกรนิตโต้แผ่นใหญ่มาปูพื้นและผนังในบ้านกันมากขึ้น เพราะรอยต่อน้อยมากเมื่อเทียบกับการปูด้วยกระเบื้องแผ่นเล็ก ทำให้พื้นและผนังบ้านดูสวยงามขึ้น เข้ากับบ้านสมัยใหม่ ลวดลายของกระเบื้องก็มีให้เลือกมากมายเข้ากับพื้นที่แต่ละห้อง ไม่ว่าจะเป็นพื้นภายในบ้านที่ดูเหมือนหินอ่อน หินแกรนิต หรือพื้นด้านนอก ที่ดูเหมือนหินธรรมชาติ หรือไม้ ตัวกระเบื้องมีความแข็งแรง สามารถปูชิดชนแผ่น ดูสวยงาม หรูหรา แต่การปูกระเบื้องแกรนิตโต้แผ่นใหญ่มักพบปัญหาการหลุดร่อนบ่อยครั้ง เนื่องจากขนาดของกระเบื้องรวมไปถึงการไม่ดูดซึมน้ำของกระเบื้อง ดังนั้น จึงควรเลือกใช้วิธีปูกระเบื้องให้เหมาะสมเพื่อให้กระเบื้องติดแน่นทนนาน
กระเบื้องแกรนิตโต้ คือ
กระเบื้องแกรนิตโต้ คือ กระเบื้องเซรามิคที่ทำเลียนแบบหินแกรนิต เป็นกระเบื้องประเภทดูดซึมน้ำต่ำ มีความแข็งแกร่ง ทนทานต่อรอยขีดข่วน สวย ทำความสะอาดง่าย ต้องผ่านกระบวนการเผาที่อุณหภูมิสูงถึง 1,200-3,000 องศา เผาจนได้กระเบื้องเซรามิคเนื้อแกร่ง มีรูพรุนในเนื้อกระเบื้องน้อย ความชื้นหรือสิ่งสกปรกจึงเข้าไปในเนื้อกระเบื้องได้น้อย มีผิวหน้าและเนื้อกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันตลอดทั้งแผ่น มีหลายรุ่น หลายขนาดให้เลือกตั้งแต่ 30*60 ซม, 60*60 ซม, 80*80 ซม และมีความหนาอยู่ที่ 1-2 ซม. สามารถนำไปปูได้ทั้งพื้นและผนัง
ปัญหาที่มักเกิดกับการปูกระเบื้องแกรนิตโต้
การปูกระเบื้องแกรนิตโต้มักพบปัญหาการหลุดล่อน กระเบื้องโก่งตัว หรือกระเบื้องระเบิดบ่อยครั้ง ซึ่งมีมีสาเหตุมาจากปัจจัยหลัก ๆ ดังนี้
โดยทั่วไป หากกระเบื้องมีการดูดซึมน้ำดี มีรูพรุน กาวซีเมนต์จะสามารถแทรกซึมไปตามรูพรุนของกระเบื้องแล้วเกิดการยึดเกาะขึ้น การยึดเกาะแบบนี้ เรียกว่า การยึดเกาะทางกล แต่กระเบื้องบางประเภท เช่น กระเบื้องแกรนิตโต้ หรือกระเบื้องขนาดใหญ่ เป็นกระเบื้องเนื้อแน่น ไม่มีรูพรุน การดูดซึมน้ำต่ำ ถึงแม้จะนำกระเบื้องไปแช่น้ำก่อน ก็ไม่สามารถช่วยได้เพราะน้ำซึมเข้ากระเบื้องแกรนิโตไม่ได้ หรือได้น้อยมาก กาวซีเมนต์ธรรมดาจึงไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปตามรูพรุนของกระเบื้องเพื่อสร้างการยึดเกาะได้ ทำให้เนื้อซีเมนต์ไม่เกาะที่ผิวกระเบื้อง เมื่อซีเมนต์แห้งตัว กระเบื้องก็จะไม่ติด เหมือนวางกระเบื้องไว้กับพื้นเฉย ๆ ดังนั้น การปูกระเบื้องประเภทนี้ จำเป็นต้องอาศัยการยึดเกาะทางเคมีเข้ามาช่วย เลือกกาวซีเมนต์ที่มีส่วนผสมของสารโพลีเมอร์ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะที่ผิวกระเบื้องได้ดี และมีระยะเวลาการปาดกาวซีเมนต์บนพื้นผิวและกระเบื้อง (Open Time) ทำให้ช่างมีเวลาจัดแต่งแนวกระเบื้อง
การปูกระเบื้องแบบซาลาเปา หรือการนำปูนมาโปะตรงกลางหลังกระเบื้อง เป็นวิธีนี้ช่างนิยม เพราะสะดวก รวดเร็ว และไม่เลอะเทอะ แต่ส่งผลให้กระเบื้องหลุดร่อน โก่งตัว หรือระเบิดได้ เพราะวิธีนี้เนื้อปูนไม่กระจายตัวทั่วทั้งแผ่น ทำให้เกิดโพรงหรือช่องว่างใต้กระเบื้อง
การปูกระเบื้องแบบกึ่งเปียก (ปูนขี้หนู หรือขุยหนู) เป็นการปรับระดับพร้อมปูกระเบื้องในเวลาเดียวกัน ทำได้โดยการนำปูนซีเมนต์ผง มาผสมกับทราย และน้ำ ในอัตราส่วนผสมที่เหมาะสม วิธีนี้กระเบื้องมีโอกาสหลุดร่อนสูง เพราะกระเบื้องไม่มีรูพรุน ซีเมนต์ธรรมดาแทรกซึมเข้าไปในกระเบื้องไม่ได้ นอกจากนี้ช่างมีโอกาสเติมสัดส่วนของปูน ทราย และน้ำ ไม่ได้ตามมาตรฐาน เมื่อช่างต้องการให้งานปูกระเบื้องเสร็จไว เกลี่ยง่าย ช่างก็จะเติมน้ำในปริมาณมาก ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปเมื่อปูนเซตและแห้งตัว น้ำในปูนก็จะหายไป ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างแผ่นกระเบื้องกับพื้นด้านล่าง (ปูนหดตัว) เนื้อซีเมนต์ไม่เกาะที่ผิวกระเบื้อง กระเบื้องจึงหลุดร่อน
ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ หรือกระเบื้องขนาดใหญ่ ถ้าจะให้สวยต้องปูชิดชนแผ่น ร่องกระเบื้องเล็ก แต่หลาย ๆ คนอาจไม่ทราบมาก่อนว่ากระเบื้องนั้นสามารถหดตัวเองและขยายตัวได้ด้วย ซึ่งเกิดขึ้นได้เพราะกระเบื้องเป็นวัสดุที่ผลิตจากธรรมชาติ เป็นกรวดหินดินทรายมาเผาอัดเป็นแผ่น ดังนั้น อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง อากาศที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด มีผลให้กระเบื้องหดและขยายตัวได้ หากปูกระเบื้องชิดแบบชนแผ่นโดยไม่มีการยาแนว เมื่อกระเบื้องขยายตัว จะดันกันจนโก่งตัวหรือระเบิดแตก หรือใช้ยาแนวทั่วไปสำหรับยาแนวร่องขนาดเล็กมากๆ ซึ่งทำได้ยากเพราะยาแนวทั่วไปเนื้อไม่ละเอียดพอ ทำให้เข้าร่องกระเบื้องยาก ไม่เต็มร่อง ยาแนวหลุดร่อนในที่สุด
แนวทางการแก้ปัญหาปูกระเบื้องแกรนิตโต้ และกระเบื้องแผ่นใหญ่ ไม่ให้หลุดล่อน
1. การเตรียมพื้นผิว
การปรับสภาพพื้นผิวให้ดีก่อนปูกระเบื้อง คือพื้นฐานเบื้องต้นที่สำคัญที่สุดสำหรับหลักการปูกระเบื้องที่ถูกต้อง พื้นผิวต้องเรียบได้ระดับ แข็ง และสะอาด ทำการเทปรับพื้นให้เรียบได้ระดับ โดยเหลือความหนาไว้สำหรับความหนาของกระเบื้อง และความหนาของกาวซีเมนต์เท่านั้น ทิ้งให้พื้นผิวแห้งอย่างน้อย 28 วัน ก่อนปูกระเบื้อง ส่วนปูนฉาบที่ความหนา 1 ซม. ต้องทิ้งไว้ให้เซ็ตตัวอย่างน้อย 7 วัน
2. วิธีการปูกระเบื้องที่ถูกต้อง
การปูกระเบื้องที่ถูกต้องควรใช้กาวซีเมนต์ ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกหลายชนิด จึงควรเลือกกาวซีเมนต์ที่ออกแบบและพัฒนาเฉพาะสำหรับกระเบื้องแผ่นใหญ่ ซึ่งกาวซีเมนต์ประเภทนี้จะมีแรงยึดเกาะมากเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถรองรับน้ำหนักของแผ่นกระเบื้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ SikaTile®-350 Performance สำหรับกระเบื้องแกรนิตโต้ หรือ SikaTile®-360 XL สำหรับกระเบื้องแผ่นใหญ่
ผสมปูนกาวกับน้ำสะอาดตามอัตราส่วนผสมที่กำหนดของปูนกาวแต่ละรุ่น ใช้เกรียงหวีด้านซี่ปาดปูนกาวลงบนพื้น/ ผนัง โดยต้องเลือกขนาดของเกรียงหวีให้เหมาะสมด้วย (เกรียงหวีขนาด 9 มม. เหมาะสำหรับกระเบื้อง ขนาดกลาง – ใหญ่) ใช้เกรียงหวีด้านเรียบปาดกาวซีเมนต์ลงบนหลังกระเบื้องให้ทั่ว และเต็มแผ่น วางกระเบื้องบนปูนกาว กดให้แน่น ใช้ค้อนยางเคาะบนกระเบื้องให้ทั่ว จัดแต่งกระเบื้องก่อนปูนกาวแห้ง โดยปูนกาว SikaTile®-350 Performance และ SikaTile®-360 XL จะมีระยะเวลาให้จัดแต่งกระเบื้องได้นานถึง 20 นาที
การปูกระเบื้องแกรนิตโต้ หรือกระเบื้องแผ่นใหญ่ให้สวยงาม ต้องเว้นระยะห่าง หรือ ช่องว่างเพียง 0.2 มม.และหากต้องการให้ร่องยาแนวดูเป็นระเบียบเท่ากันทั้งหมด แนะนำให้ใช้สเปซเซอร์ช่วยในการปู ทิ้งไว้ให้ปูนกาวแห้งอย่างน้อย 24 ชม. ก่อนทำการยาแนวต่อไป
3. การยาแนว
เลือกใช้กาวยาแนวเนื้อละเอียดที่ไหลตัวดี ยึดเกาะเต็มร่องเล็ก ทนต่อสารเคมีและกรด ที่เหมาะกับยาแนวกระเบื้องแกรนิตโต้ เนื่องจากยาแนวที่ไหลดี จะไหลเข้าเติมร่องเล็กของกระเบื้องแกรนิตโต้ที่มีการปูชิดได้ดี อย่าง SikaTile®-640 TG Thin Gap กาวยาแนวกระเบื้อง สำหรับร่องยาแนวขนาดเล็ก เนื้อละเอียด ไร้ฝุ่น ไหลตัวได้ดีในร่องกระเบื้องขนาดเล็กตั้งแต่ 0.5 - 2.0 มม. มีส่วนผสมของสารโพลิเมอร์พิเศษที่ช่วยในเพิ่มแรงยึดเกาะ ทนทานต่อการแตกร้าว และมีส่วนผสมของสารซานิไทซ์ที่ช่วยป้องกันเชื้อราและแบคทีเรีย